Diary


แม่...ไม่คิดเงิน



เจ้าเด็กชายตัวน้อยของเราเข้าไปหาแม่และส่งกระดาษให้  หลังจากแม่เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนแล้วเธอก็ก้มลงอ่าน 
ค่าตัดหญ้า 5 บาท 
ค่าทำความสะอาดห้องผมอาทิตย์นี้ 1 บาท 
ค่าซื้อของให้แม่ 2.5 บาท 
ค่าดูแลน้องชาย 2.5 บาท 
ค่าเอาขยะไปทิ้ง 1 บาท 
ค่าได้คะแนนดี 5 บาท 
ค่ากวาดสนาม 2 บาท 
รวมค้างชำระ 19 บาท 
เธอหยิบปากกาขึ้นมาพลิกไปด้านหลังแล้วเขียน 
เก้าเดือนที่แม่อุ้มท้อง ไม่คิดเงิน 
เวลาแม่พยาบาลลูก ไม่คิดเงิน 
ของเล่น อาหาร เสท้อผ้า ไม่คิดเงิน 
แม้แต่เช็ดน้ำมูกให้ ไม่คิดเงินหรอกจ๊ะลูก 
เมื่อรวมทั้งหมดเป็นราคาเต็มของความรัก ไม่คิดเงินเหมือนกัน 
เมื่อลูกชายของเราอ่านสิ่งที่แม่เขียน น้ำตาหยดโตก็ไหลออกมา 
เขาสบตาแม่และพูดว่า แม่ครับ ผมรักแม่จริงๆนะครับ 
แล้วเขาก็เอาปากกา 
เขียนหลังสือตัวโตว่า จ่ายหมดแล้ว 
แม่จ่ายหมดแล้ว แต่ลูกทอนให้ยังไม่หมด.........

....................................................................................
คิดบวก ชีวิตบวก
เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ
เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ
เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต
เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)
เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ
เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย
เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต
เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี
เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง
เวลาเจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง
เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ
เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง
เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือความอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง
เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม
เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์
เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด
เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบททดสอบว่าที่ว่า มารไม่มีบารมีไม่เกิด

เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม ในวิกฤตย่อมมีโอกาส
เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต
เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์ 
.................................................................................... 
ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ
บางครั้งเราก็มองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ไป
เพียงเพราะใช้เวลาสั้นๆ ในการตัดสินสิ่งนั้นว่า "ไร้สาระ"
หลายวันก่อน เพื่อนคนหนึ่งถามฉันว่า "ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ ?"
ฉันไม่ได้สนใจและใส่ใจกับคำถามนั้นสักเท่าไหร่
เพียงแค่รู้สึกว่าเป็นคำถามที่ไม่มีสาระอะไรเสียเลย


แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตอบเล่นๆ ไปว่า
"ก็คงมีเพื่อความสะดวกมั้ง
หรือไม่ก็ช่วยให้คนขี้ลืมที่ชอบวางยางลบไม่เป็นที่เป็นทาง
ได้มียางลบ ใช้มั้ง"
เพื่อนฉันก็อมยิ้ม ก่อนที่จะตอบสั้นๆ ว่า "ไม่ใช่"
"อ้าว. . .งั้นเพราะอะไรล่ะ" ฉันก็อดที่จะถามไม่ได้
ก็เพราะว่า " คนเราสามารถทำผิดกันได้"
". . . . . . . . . . . . . . . . . . " ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง

หลังจากที่ได้ยินคำตอบ
และปล่อยให้เจ้าของคำถามเดินจากไป
โดยที่ไม่ได้อธิบายอะไรมากไปกว่าคำตอบสั้นๆ ของเขาเท่านั้น
คำถามของเพื่อนที่เคยมองว่ามันไร้สาระ
กลับทำให้ได้ฉันเก็บมาคิดแทบทุกขณะที่สมองว่าง
เย็นวันนั้น ฉันจึงหยิบโทรศัพท์เขียนข้อความส่งถึงเพื่อนๆ ด้วยประโยคที่ซ้ำกัน...

"ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ . . .
เพราะคนเรามีสิทธิ์ทำผิดกันได้
แต่จงจำไว้ว่า. . .เราไม่ควรใช้ยางลบให้หมดก่อนดินสอ
เพราะนั่นอาจหมายความว่า เรากำลังทำผิดซ้ำๆ
จนความผิดนั้นอาจสายเกินแก้"

ตัวเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่คิดต่อจากเพื่อนนั้นมันจะถูกต้องหรือไม่
และเพื่อนที่ได้รับข้อความจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันต้องการจะบอกหรือเปล่า
จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ. ..นั่นไม่ใช่สิ่งที่ต้องการมากสักเท่าไหร่
แต่สิ่งที่อยากได้รับคือ เพื่อนจะคิดต่อจากความคิดของฉันอย่างไร

และลึกๆ ฉันก็แค่หวังว่า . . .
เพื่อนของฉันคงจะกล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด
และไม่ประมาทในการใช้ชีวิตและยอมรับการกระทำของตัวเอง . .